ตรวจเช็คสภาพรถง่ายๆ ด้วยตนเอง


วันที่เขียน 2019-07-25 18:03:29
วันที่อัพเดทล่าสุด 2019-08-01 16:34:41

ตรวจเช็คสภาพรถง่ายๆ ด้วยตนเอง   

หากเป็นคนหนึ่งที่ใช้รถเดินทางไปไหนมาไหนบ่อยๆ และไม่ค่อยมีเวลาตรวจเช็คสภาพรถมากนัก อาจเพราะไม่มีเวลาหรือคิดว่ารถใหม่ๆยังไงก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อไรก็ตามที่ต้องเดินทางไกล สิ่งที่เราควรทำก่อนเป็นอันดับแรกก็คือ การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก แม้แต่ผู้หญิงก็สามารถทำได้ Thedriverservice.com จะพามาดูวิธีตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้นกัน

ที่มารูปภาพ pixabay.com

ยางรถยนต์ 

ยางรถยนต์ สามารถเกิดการสึกหรอได้รวดเร็ว และอาจเป็นอันตรายได้ หากมันสึกหรอจนไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเกิดยางระเบิดขึ้นระหว่างขับรถ ดังนั้น หากตรวจเช็คยางให้ละเอียดก่อนการเดินทาง โดยมองหาร่องรอยของการขูด ขีด รูรั่ว รอยบาดต่าง ๆ รวมถึงรอยแตกในยาง นอกจากนี้ หากพบว่ายางรถมีอายุเกินกว่าหกปี เราจำเป็นต้องเปลี่ยนยางใหม่ก่อนที่จะใช้งานยางในระยะไกล

Tips: ความดันอากาศของยางก็เป็นสิ่งสำคัญในการตรวจเช็คสภาพรถ เนื่องจากความดันของยางมีผลกระทบกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น เรื่องของการประหยัดน้ำมัน สมรรถนะในการขับขี่ เป็นต้น จึงควรตรวจเช็คลมยางและยางอะไหล่อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตยางอย่างเคร่งครัด

ระบบระบายความร้อน

ควรเข้าไปตรวจสอบระดับของเหลวของหม้อน้ำ และตรวจสอบท่อของหม้อน้ำ เพื่อดูว่ามีรอยแตกรอยรั่วหรือไม่ หากพบรอยแตกรอยรั่ว ควรอุดหรือนำรถไปให้ช่างจัดการให้ ขั้นตอนต่อไปคือ ตรวจสอบสายพานทั้งหมด และซ่อมสายพานบางจุดที่ชำรุดเสียหาย ใครที่ไม่เชี่ยวชาญด้านนี้มากนัก หากตรวจเช็คสภาพรถแล้วพบความผิดปกติ อาจจะส่งเข้าอู่เพื่อให้ช่างจัดการก็เป็นทางเลือกที่ดี   

ระบบไฟ

ตรวจสอบเช็คระบบไฟให้ทั่วทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟฉุกเฉิน ไฟภายในห้องโดยสาร และระบบไฟต่างๆ ถ้าหลอดไฟขาดใดข้างหนึ่งขาด ควรที่จะรีบเปลี่ยน เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันก็เป็นได้

ที่มารูปภาพ pixabay.com

น้ำมันเครื่อง

ถ้าไม่เคยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือไม่ได้ตรวจเช็คเกี่ยวกับระบบน้ำมันเลย ควรทำเดี๋ยวนี้ ! ก่อนออกเดินทาง เพราะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องด้วยตัวเองมันใช้เวลาน้อยมาก หรือถ้าอยากให้รวดเร็วจริง ๆ ขับรถเข้าอู่หรือศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก็ได้ 

Tips: การตรวจเช็คสภาพรถ โดยปกติควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร หากยังไม่ถึงก็คงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน แต่เวลาเดินทางไกล เหตุฉุกเฉินสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น เตรียมพร้อมไว้ดีที่สุด ด้วยการเตรียมน้ำมันสำรองใส่แกลอนไปด้วยระหว่างเดินทางไกล เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น น้ำมันหมดในที่เปลี่ยว หรือที่ๆการช่วยเหลือเข้าถึงยาก อย่างน้อยก็ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่ง

ชุดเกียร์

หากตรวจพบว่าน้ำมันเกียร์อยู่ในระดับต่ำ หรือในไม่เคยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์เลย ควรทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ก่อนเดินทางไกลจะดีกว่า แต่การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย Thedriverservice.com ขอแนะนำให้นำรถเข้าศูนย์เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการจะดีกว่า เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นหากเราไปเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ด้วยตัวเอง

ระบบแอร์

เป็นการตรวจเช็คสภาพรถที่ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเราต้องตรวจเช็คแผ่นกรองเครื่องปรับอากาศในรถเท่านั้น ควรเช็คให้ดีว่าช่องปล่อยแอร์ไม่มีฝุ่นเกาะสะสม หรือมีเศษขยะปิดกันช่องแอร์ ขณะขับรถเราจะได้มีอากาศที่บริสุทธิ์ และที่สำคัญ ยังช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมประหยัดน้ำมันมากขึ้นอีกด้วย

เช็คระบบหล่อเย็น

ขณะที่เครื่องเย็น เปิดฝาหม้อน้ำตรวจดูว่าสภาพยังปกติดีหรือไม่ เมื่อเปิดฝาแล้วให้สังเกตสีน้ำในแก้มบนหม้อน้ำว่าไม่มีเป็นสีสนิมมากเกินไป นอกจากนี้ ควรตรวจดูตามข้อต่อและท่อทางเดินน้ำว่ามีจุดรั่วซึมหรือไม่ โดยเฉพาะรถที่ติดตั้งระบบเชื้อเพลิงแก๊สที่ต้องมีหม้อต้มและท่อทางเดินน้ำเพิ่ม หากพบความผิดปกติควรให้ช่างแก้ไขโดยเร็ว

ที่มารูปภาพ pixabay.com

ระบบเบรก

ระบบเบรกเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้มันชำรุดมากที่สุดในระบบรถยนต์ ถ้าหากต้องเดินทางไกล ซึ่งการซ่อมหรือแก้ไขเบรกยามที่มันมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และปัญหาที่ว่าอาจจะเกิดขึ้นยามที่คุณเหยียบคันเร่ง 120 กม./ชม.ก็ได้ ดังนั้น ตรวจเช็คสภาพรถโดยเฉพาะระบบเบรก และจัดการให้มันอยู่ในสภาพที่ดีก่อนออกเดินทาง ห้ามลืมเด็ดขาด   

เช็คน้ำกลั่นแบตเตอรี่

ถ้าใช้แบตเตอรี่แบบทั่วไป หมั่นตรวจระดับน้ำกลั่นเป็นประจำ และควรเติมให้อยู่ในเกณฑ์ระหว่างบน-ล่าง ไม่มากหรือน้อยเกินไป ส่วนประเภทกึ่งแห้งก็ควรเช็คระดับน้ำเช่นกัน แม้มีคำว่า Matainance free เว้นแต่รุ่นที่ไม่มีช่องเติมน้ำ ควรตรวจอายุการใช้งานและสังเกตอาการเวลาสตาร์ทรถเสมอ ทั้งนี้ แบตเตอรี่แห้งทั่วไปหลายรุ่น มักมีตาแมวหรือเลนส์ใสกลมบอกสถานะของไฟในแบตเตอรี่ เพื่อสะดวกในการตรวจเช็ค หากพบว่าการเก็บประจุไฟเริ่มน้อยลง หรือมีอายุเกิน 36 เดือน ควรให้ร้านแบตเตอรี่ตรวจประสิทธิภาพการเก็บไฟก่อนเดินทางด้วย  

การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นเรื่องความเป็นความตาย หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นขณะที่กำลังขับรถอยู่ ดังนั้น ยอมเสียเวลาสักนิดในการตรวจเช็คสภาพรถ เพื่อความปลอดภัยของตัวเรา และผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่น ๆ ทางทีมงาน Thedriverservice.com หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ผู้ใช้รถหันกลับมาตรวจเช็คสภาพรถของตนเองก่อนออกเดินทางไม่มากก็น้อย