คนชอบลุย ควรทำประกันแบบไหนดี
คนชอบลุย ควรทำประกันแบบไหนดี
ในช่วงเวลาพักผ่อน หลายคนมักเลือกเดินทางไปเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวในประเทศ หรือต่างประเทศ ซึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องการเดินทางแล้ว คงหนีไม่พ้นการใช้ยานพาหนะ ถ้านับที่นิยมใช้กัน Thedriverservice.com เห็นว่ามีอยู่ประมาณ 3 อย่างที่เรามักจะใช้ขับขี่กัน นั่นคือ
- รถยนต์ ลำพังการขับรถอยู่ในเมืองใหญ่อย่างในกรุงเทพ ก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่ประปราย ดังนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขับรถระหว่างจังหวัดในช่วงเทศกาล เพราะใครที่เคยขับจะรู้ว่า เวลาขับกันบนถนนทางหลวงโล่งๆนี่ ขับกันเร็วแค่ไหน แถมยังต้องเจอกับรถใหญ่ๆ อย่างพวกรถบรรทุกที่ขับกันได้น่ากลัวมาก
- มอเตอร์ไซค์ หลายคนชอบ เพราะความเร็วและความคล่องตัว แต่อย่าลืมว่า มอเตอร์ไซค์มันคือ “เนื้อหุ้มเหล็ก” เกิดอะไรขึ้นมา เราก็เจ็บหนักยิ่งกว่ารถซะอีก
- จักรยาน เทรนการขับขี่จักยานช่วงนี้มาแรงมาก หลายคนชอบ เพราะประหยัดน้ำมัน แถมได้ออกกำลังกาย ิย่งขี่กันไปเป็นก๊วนข้ามจังหวัดก็ยิ่งสนุก แต่ก็มีความอันตรายไม่แพ้จักรยานต์เช่นกัน
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า แม้เราจะขับขี่อะไร ระมัดระวังกันแค่ไหน ก็ยังไว้ใจไม่ได้ เพราะเราไม่สามารถไป ควบคุมความไม่ประมาทของคนอื่นได้เลย แต่นอกเหนือจากเรื่องการเดินทาง ก็ยังมีเรื่องของกิจกรรมต่างๆ ที่เราอาจจะทำเพื่อความบันเทิงเริงใจ ตั้งแต่การเล่นกีฬาอย่างฟุตบอล หรือบาสเก็ตบอล ไปจนถึงกิจกรรมผาดโผนอย่างโดดร่มบันจี้จัมป์ดำน้ำปีนเขา และอีกมากมาย ซึ่งถ้าเกิดเจ็บตัวขึ้นมาที ก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
ถึงแม้เราจะไม่สามารถการันตีได้ว่า จะไม่มีทางเกิด อุบัติเหตุกับเรา แต่อย่างน้อย สิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้ก็คือ “ค่ารักษาพยาบาล” หรือความเสียหายที่เกิดขึ้น จะได้รับการชดเชยให้เราได้ ถ้าเราป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ไว้ด้วยการทำประกัน ไม่ว่าจะประกันสุขภาพ หรืออย่างน้อยที่สุดคือ “ประกันอุบัติเหตุ” ด้วยการจ่ายเงินเพียงนิดเดียว แลกกับการให้บริษัทประกันมารับความเสี่ยงเรื่องค่ารักษาพยาบาล หรือเงินค่าชดเชยที่อาจจะมากมาย จากการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ แทนเรานั่นเอง
แล้วประกันอุบัติเหตุที่ดี ควรเป็นยังไง?
จากความรู้และประสบการณ์การซื้อประกันของผม สิ่งที่เราควรจะต้องคำนึงก็คือ :
- วงเงินคุ้มครอง หรือเงินชดเชย ต้องสูง เมื่อเทียบกับเบี้ยที่จ่าย เพื่อความคุ้มค่าของการป้องกัน
- ค่าเบี้ยประกันไม่ควรสูงมาก เพื่อไม่ให้เป็นภาระในการจ่ายเบี้ยที่หนักเกินไป (ไม่ควรเกินหลักพันต่อปี)
- ควรจะคุ้มครอง (จ่ายเงินชดเชย) หลายๆกรณี หลักๆก็เช่น เสียชีวิต, เสียอวัยวะ, ทุพพลภาพ, ค่ารักษาพยาบาล
- ควรครอบคลุมกรณีอุบัติเหตุจากทุกสาเหตุ ไม่ว่าจะทั้งกรณีที่เป็นคนขับ หรือผู้โดยสาร (กรณีเดินทาง) ตั้งแต่การบาดเจ็บเล็กน้อยทั่วไป ไปจนถึงจากสาเหตุที่เสี่ยงมากๆ เช่น จากกิจกรรมผาดโผน ก็ควรจะต้องครอบคลุม (ไม่เลือกครอบคลุมเฉพาะกิจกรรมที่ไม่เสี่ยง) ยกเว้นเกิดจากสาเหตุเพราะตัวเอง เช่น ไปก่อเรื่องทะเลาะวิวาทเอง หรือเพราะมึนเมา จากการดื่ม
- ควรจะต้องทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน ไม่ต้องรอพิจารณานาน
ซึ่งประกันอุบัติเหตุตัวหนึ่งที่พิจารณาแล้วว่า เข้าเกณฑ์ตามที่ผมว่ามาก็คือ ประกันอุบัติเหตุ “Super PA” ของบริษัท FWD ประกันชีวิต เพราะมีจุดเด่นๆอยู่ที่คุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดจากทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นคนขับ หรือคนซ้อน (มอเตอร์ไซค์) และไม่ว่าจะเกิดจากกิจกรรมที่หนักหรือเบาก็ตาม นอกจากนี้ ยังคลอบคลุมเรื่องต่างๆอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น
- คุ้มครองทั่วโลก จะบาดเจ็บจากที่ไหน ประเทศอะไรก็ครอบคลุมหมด
- เบี้ยปีละ 999 บาท และไม่ปรับขึ้นตามอายุ เหมือนของที่อื่น
- มีวงเงินค่ารักษาพยาบาลให้ ครั้งละ 15,000 บาท
- เสียชีวิต, เสียอวัยวะ, ทุพพลภาพ จ่ายให้ 150,000 บาท (วงเงินความคุ้มครองสูงกว่าเบี้ยที่จ่ายมาก)และที่สำคัญคือ ทำง่ายมากๆ เพราะสามารถหาซื้อได้ตาม 7-11 ทุกสาขา แค่ยื่นบัตรประชาชนก็ทำได้แล้ว โดยไม่ต้องตรวจร่างกาย หรือตอบคำถามสุขภาพใดๆ และเมื่อจ่ายเงินค่าเบี้ยเสร็จ ก็คุ้มครองทันที ไม่ต้องมีระยะเวลารอคอย
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดก็คือ วงเงินค่ารักษา 15,000 บาท/ครั้ง อาจจะไม่ครอบคลุมค่ารักษาของการเกิดอุบัติเหตุหนักๆ แต่หากเทียบกับค่าเบี้ยที่จ่ายมาแค่ 999 บาท ก็นับว่าคุ้ม และต้องสำรองจ่ายค่ารักษาไปก่อน จึงค่อยนำใบเสร็จกับใบรับรองแพทย์ไปเบิกกับทางบริษัทภายหลัง
ดังนั้น ประกันอุบัติเหตุ Super PA จาก FWD ตัวนี้ จึงอาจจะเหมาะกับคนที่ต้องการเริ่มซื้อประกันอุบัติเหตุด้วยตัวเองได้แบบง่ายๆ จ่ายเบี้ยไม่แพง และชอบทำกิจกรรมบ่อยๆ อย่างชอบเล่นกีฬาชอบเดินทาง ส่วนพวกกีฬาผาดโผนอย่างบันจี้Thedriverservice.com แนะนำว่าให้เลือกซื้อประกันตัวอื่นที่มีวงการเงินรักษาเยอะกว่านี้จะดีกว่า เพราะอย่าลืมว่า อุบัติเหตุอาจจะเกิดขึ้นกับเราได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชีวิตในปัจจุบันที่เราต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย
ดังนั้น thedriverservice.com ขอแนะนำว่า ควรมีวิธีการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุม ทั้งจากตัวเอง ที่ต้องรู้จักการควบคุมความเสี่ยง ด้วยการมีสติ ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เพื่อช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ส่วนที่เหลือ ก็ควรถ่ายโอนความเสี่ยงด้านค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชย ให้ทางบริษัทประกัน ด้วยการทำประกันอุบัติเหตุไว้ ก็จะช่วยให้เราอุ่นใจมากขึ้นได้ในทุกๆด้าน