รถชนหนัก ซ่อมไม่ไหว ประกันชดใช้อะไรให้บ้าง


วันที่เขียน 2019-09-16 14:56:03
วันที่อัพเดทล่าสุด 2019-09-16 14:56:03

รถชนหนัก ซ่อมไม่ไหว ประกันชดใช้อะไรให้บ้าง   

เมื่อเกิดอุบัติเหตุ รถชนหนักจนโครงสร้างไม่มีทางกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม งานนี้บริษัทประกันภัยจะคุ้มครอง หรือชดใช้อะไรให้เราได้บ้าง วันนี้ thedriverservice.com จะพามาหาคำตอบในบทความนี้กัน 

ที่มารูปภาพ pixabay.com

รถชนหนัก ซ่อมไม่คุ้ม ควรทำอย่างไร 

กรณีคุณขับรถชนหนัก แล้วเกิดความเสียหายของรถเกินกว่า 70% ของทุนประกัน ทางเลือกที่ควรทำคือการ ขอคืนทุนประกันเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะบริษัทประกันจะพิจารณาเพื่อจ่ายคืนเงินทุนประกันให้แก่คุณหรือผู้เอาประกัน และผู้เอาประกันต้องโอนซากรถนั้นให้เป็นชื่อของบริษัทประกัน จากนั้นจะสิ้นสุดการคุ้มครองของกรมธรรม์ในทันที ตัวอย่างเช่น รถของคุณทำทุนประกันไว้ที่ 1,000,000 บาท ทุนประกันจะไม่น้อยกว่า 80% ของราคาตลาดรถในขณะที่รับประกัน แต่ถ้าไม่ต้องการขายต้องการซ่อมรถคันนั้นเอง บริษัทประกันจะยอมจ่ายค่าสินไหมให้อยู่ที่ประมาณ 50-60% ของทุนประกันเท่านั้น เป็นเงินประมาณ 5-6 แสน และผู้เอาประกันต้องนำรถไปจัดการซ่อมเองทั้งหมด รวมทั้งสิ้นสุดการคุ้มครองจากประกันทันที

ซึ่งข้อดีของการคืนทุนประกันคือ ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับงานซ่อม เพราะจะซ่อมยังไงก็ไม่เหมือนเดิม 100% แต่มีข้อเสียคือ ขาดทุนนั่นเอง ทั้งหมดนี้เราก็ต้องทำใจยอมรับ แต่ถ้าลองซ่อมแล้วนำไปขายต่อ ยังไงก็ขาดทุนแน่นอน ดังนั้น ทางเลือกในการคืนทุนประกัน จึงเป็นทางเลือกที่จะเจ็บปวดน้อยที่สุด แต่ข้อเสียของการคืนทุนประกัน นั่นก็คือ ขาดทุนนั่นเอง เช่น ทุนประกัน 520,000 แต่ทางศูนย์ซ่อมรถยนต์ต้องตีราคาในการ ซ่อมรถ เกิน 70% คือ 364,000 บาท แต่ทางบริษัทประกันจะไม่จัดซ่อมแต่จะคืนเงินประกันเต็มวงเงิน 520,000 คุณก็สามารถเอาเงินตัวนี้ไปปิดไฟแนนซ์ได้ แต่จะขาดทุนไม่มากก็น้อย ในทางกลับกัน ถ้านำ รถชนหนัก เข้าศูนย์ซ่อมโดยที่ไม่ขอคืนทุนประกัน ควรที่จะบอกกับประกันว่าขอเปลี่ยนเป็นอะไหล่แท้ทั้งหมด โดยที่ไม่เคาะ ไม่ตัด หรือซ่อมเด็ดขาด แต่ต้องบอกก่อนว่าซ่อมแล้วอาจจะไม่เหมือนเดิม หรือไม่ 100%

กรณีได้ทำประกันภัยรถยนต์ บริษัทประกันจ่ายค่าอะไรบ้าง

หากขับรถชนหนัก แต่โชคดีทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ไว้ สิ่งแรกที่ควรทำคือ ติดต่อบริษัทประกันรถยนต์ที่ทำไว้ และเขียนใบเคลม ตัวแทนบริษัทประกันจะฟังสิ่งที่เราบอก รวมถึงสิ่งที่ตำรวจเขียนในรายงานพิจารณาและตรวจสอบความเสียหายของรถ เมื่อพวกเขาประเมินราคาแล้ว บริษัทประกันจะมอบเงินให้คุณเป็นจำนวนตามทุนประกันที่ระบุในกรมธรรม์

สำหรับจำนวนเงินที่บริษัทประกันจะมอบให้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ส่วนมากจะดูจากความเสียหายที่เกิดขึ้นและความคุ้มครองที่ระบุในกรมธรรม์ของเรา สาเหตุของอุบัติเหตุก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน หากประกันรถยนต์ของเราคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากคนขับ แล้วเราเป็นคนทำผิดเอง ก็จะได้รับเงินคืนแน่นอน

ซึ่งกรณีนี้ เราจะไม่ได้รับเงินที่เสียไปจากรถที่พังเต็มจำนวน แม้ในกรณีที่บริษัทประกันมอบเงินทุนประกันให้เราในการหารถมาใช้ใหม่ แทนที่จะให้ เงินคืนเต็มจำนวน ก็คือ ราคารถของเราที่ซื้อมาแต่แรกบริษัทประกันจะจ่ายให้โดยคำนึงถึงค่าเสื่อมราคาก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยทั้งรถทั้งเงินเลย

ที่มารูปภาพ pixabay.com

กรณีไม่มีประกันรถยนต์ ควรทำอย่างไร

เมื่อไม่มีประกันรถยนต์ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกิดจากความเสียหายจากการถูกชนจะตกเป็นความรับผิดชอบของเราเพียงผู้เดียว (นี่คือความเสี่ยงที่คนไม่ทำประกันรถยนต์ จะต้องแบกรับ) การจ่ายเงินค่าซ่อมรถเองอาจจะไม่เลวร้ายเท่าไรหากเป็นการซ่อมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น กระจกข้างแตกหัก รถมีรอยบุบ แต่กรณีรถพังยับทันคัน อาจจะต้องทำใจเพราะเราอาจมีตัวเลือกน้อยกว่านั้น ส่วนมากแล้วถ้าไม่ยกเครื่องใหม่ก็ต้องหารถใหม่มาแทนรถที่ถูกพังยับ

ถึงแม้จะมีทางออกที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับเหตุการณ์ รถชนหนัก ที่ขึ้นอยู่กับเจ้าของรถเป็นผู้พิจารณาว่าจะขอเงินคืนทุนประกัน นำรถไปซ่อม หรือ เปลี่ยนรถใหม่เลย ก็ตาม แต่ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นหากขับรถอย่างมีสติ ระหว่างขับรถมองหน้ามองหลังอยู่เป็นระยะ และไม่ขับรถเร็วจนเกินไป ใจเย็นและรอบคอบ เหตุการณ์รถชนหนัก ก็จะไม่เกิดกับรถของเรา และที่สำคัญที่สุด ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะถึงแม้อุบัติเหตุจะหลีกเหลี่ยงไม่ได้ก็จริง แต่ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ช่วยให้มีทางออกที่ดีและคุ้มค่าที่สุด หมดปัญหาเรื่องการเคลม และ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถ หรือถ้าใครจ่ายค่าเบี้ยประกันชั้น 1 ไม่ไหว ซื้อประกันชั้น 2 หรือ ชั้น 2+ ไว้ให้อุ่นใจก็ยังดี จะได้ขับรถได้อย่างสบายใจและปลอดภัยที่สุด

ดังนั้น สำหรับใครที่เกิดเหตุการณ์ รถชน หนักมา คิดคำนวณค่า ซ่อมรถ แล้วก็ไม่คุ้ม แถม ผ่อนรถ ก็ยังไม่หมดอีกต่างหาก บทความนี้อาจจะให้ความรู้ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อเราได้เข้าไปอยู่หลังพวงมาลัยแล้ว ควรที่จะขับรถไม่ประมาท ขับอย่างปลอดภัย (มีประกันไว้ให้อุ่นใจก็ยิ่งดี) และมีสติทุกครั้ง ไม่เช่นนั้น เราอาจจะเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตก็เป็นได้

ขอขอบคุณข้อมูลจากeasyinsure.co.th, moneyguru.com