ขับรถทางไกล เช็คอะไรบ้าง


วันที่เขียน 2019-09-16 15:50:09
วันที่อัพเดทล่าสุด 2019-09-16 15:50:09

ขับรถทางไกล เช็คอะไรบ้าง   

อีกไม่กี่เดือน ก็ถึงช่วงสิ้นปี หรือ ฤดูท่องเที่ยวกันแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงจะวางแพลนท่องเที่ยวและจองตั๋ว จองที่พักกันเรียบร้อยแล้ว แต่... มีสิ่งหนึ่งที่ห้ามลืมก่อนการเดินทางในช่วงฤดูท่องเที่ยวนี้ นั่นก็คือ การตรวจเช็ครถยนต์ ก่อนเดินทางไกล ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะใครๆก็สามารถทำได้ แต่จะมีอะไรกันบ้าง วันนี้ thedriverservice.com จะพามาแนะนำกัน   

ที่มารูปภาพ pixabay.com
  1. ตรวจสภาพรถยนต์
  • เราควรเช็คให้น้ำมันเครื่องอยู่ในระดับปกติ อย่าให้ระดับของน้ำมันเครื่องลดลงไปมากนัก โดยให้เทียบกันก่อนหน้าการเดินทางเป็นหลัก ซึ่งหากพบว่าน้ำมันเครื่องมีการลดลงไปอย่างมากหรือต่ำกว่าระดับ MIN เราก็ควรรีบตรวจเช็คทันทีว่ามีจุดรั่วซึมหรือไม่ นอกจากนี้เราควรเช็คดูสีของน้ำมันเครื่องไม่ให้มีสีดำจนเกินไป และอย่าให้มีเศษเขม่าเจือปนอยู่ หากตรวจพบว่ามีทั้งสองอย่างนี้ เราก็ควรรีบหาเวลาไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้แล้ว
  • ตรวจเช็คยาง ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยป้องกันการสึกหรอของยางรถยนต์ นอกจากนี้ เราควรเช็คด้วยว่ามีอะไรทิ่มไปเข้าไปในยางรถหรือไม่ หากมีจะได้ทำการปะยางหรือเปลี่ยนใหม่ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง
  • ตรวจเช็คหม้อน้ำ และหม้อพักน้ำ รวมถึงระดับน้ำหล่อเย็นด้วย โดยเฉพาะน้ำหล่อเย็นที่เราควรตรวจสอบว่ามีการลดลงไปมากรหรือน้อยขนาดไหนเมื่อเทียบกับก่อนเดินทาง หากพบว่าลดลงไปมาก ให้เรารีบทำการเติมให้น้ำหล่อเย็นกลับมาอยู่ในระดับที่กำหนด ก่อนที่จะใช้งานรถยนต์ต่อไป
  • ตรวจเช็คไส้กรองอากาศ เช็คว่ามีฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกติดอยู่มากน้อยขนาดไหน และดูว่ามีสิ่งสกปรกอุดตันหรือไม่ หากมีก็ควรที่จะทำความสะอาดเป่าออกให้หมด หรืออาจจะเปลี่ยนไส้กรอง ใหม่เลยก็ได้ เพื่อที่จะทำให้เครื่องยนต์ของรถเรานั้นกลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภา
  • ตรวจเช็คตัวถังรถ นอกจากจะเช็คแล้วเราควรที่จะล้างรถทุกครั้งหลังจากใช้งานเดินทางไกลเพื่อ ความสะอาด และป้องกันสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดตัวถังรถมานั้นจะส่งผลกระทบต่อชั้นสีของรถเราได้ รวมถึงเราควรที่จะตรวจเช็คหารอยบุบ รอยขูดขีด หากมีรอยอยู่มากๆ เราก็อาจจะพิจารณาขอเคลมประกันเพื่อทำสีให้กับรถยนต์ของเรา
  • ระบบเบรก เลือกใช้น้ำมันเบรกที่เหมาะสมและหมั่นตรวจเช็คระดับสภาพน้ำมันเบรก และผ้าเบรก ถ้าเบรกแล้วพวงมาลับปัดหรือรถไม่หยุดวิ่งให้เปลี่ยนผ้าเบรกทันที
  • แบตเตอรี่ หากเป็นชนิดเติมน้ำกลั่น ก็ควรเติมให้อยู่ในระดับที่ขีดกำหนดอย่างเหมาะสม และควรพกน้ำกลั่นติดรถไปด้วยเผื่อกรณีฉุกเฉิน
  • ไฟรถต้องส่องสว่างอยู่เสมอ หากพบว่าหลอดไฟขาดควรเปลี่ยนทันที 
  • ช่วงล่างรถยนต์ แนะนำให้ตรวจเช็คเบื้องต้นก่อน คือปล่อย พวงมาลัยขณะที่เคลื่อนรถไปยังด้านหน้า เช็คว่าล้อตรงหรือไม่ และต้องขับบนพื้นเรียบเท่านั้น และก้มดูใต้ท้องรถว่าที่โช็คอัพมีน้ำมันไหลเยิ้มออกมาหรือไม่ สังเกตว่าการดูดซับแรงสะเทือนยังเหมือนเดิม หรือมีเสียงดังผิดปกติหรือไม่

 

     2.วางแผนการเดินทาง 

การศึกษาเส้นทางที่จะเดินทางเพื่อเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด ถนนสายหลักมีจุดเสี่ยงน้อยกว่าถนนสายรองที่มีไว้กรณีถนนสายหลักเกิดปัญหา ทั้งนี้รวมไปถึงการเลือกช่วงเวลาในการเดินทาง โดยเฉพาะการเลือกเดินทางในเวลากลางวันมากกว่าเวลากลางคืนจะมีความเสี่ยงน้องกว่า ทัศนวิสัยการมองเห็นชัดเจนและปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ ควรกำหนดจุดพักรถด้วย เพราะการขับรถทางไกลเป็นเวลานาน อาจทำให้อ่อนเพลียหรืออ่อนล้าได้ ฉะนั้นการเดินทางทุกครั้งควรมีจุดพักรถ อย่างน้องทุก 2 ชั่วโมง 

      3.สังเกตพฤติกรรมของรถคันอื่น 

แน่นอนว่าการขับรถจะต้องเจอกับเพื่อนร่วมทางอยู่เสมอ ซึ่งแต่ละคันก็มีพฤติกรรมการขับรถที่แตกต่างกันไป หนึ่งในนั้นคือ บางคันอาจจะมีการดื่มสุรามาก่อนโดยเฉพาะช่วงเทศกาล ดังนั้น หากเรารู้จักสังเกตพฤติกรรมของรถคันอื่นจะทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ทัน และช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มาก

ที่มารูปภาพ pixabay.com

      4.ปรับพฤติกรรมการขับรถของตนเอง 

หากใครมีพฤติกรรมที่ดีอยู่แล้ว ก็ขอให้รักษาไว้ แต่ถ้าใครชอบขับเร็ว แรง กลัวไม่ถึงหรืออะไรก็ชั่ง ควรเลิกพฤติกรรมนี้เสีย แล้วปรับมาใช้พฤติกรรม ดังนี้ 

  • จำกัดความเร็วของรถ ไม่ควรขับรถเร็วมาก โดยเฉพาะเมื่อถนนเปียก ควรลดความเร็วลง 2 ใน 3 ของการขับบนถนนแห้ง ลดความเร็วให้เหมาะสม ยางจะจับเกาะถนนได้ดีขึ้น
  • อย่าขับรถจี้คันหน้า ควรขับทิ้งระยะห่างด้วยเวลา 2 วินาทีสำหรับถนนแห้ง แต่ถ้าฝนตกถนนลื่น ควรทิ้งระยะห่างเป็น 4 วินาที
  • ใช้ไฟสูงบอกตำแหน่งรถ หากฝนตกหนักและทัศนวิสัยแย่มาก หรือการขับรถยนต์ค่ำคืนสามารถใช้ไฟสูงได้ตลอดเวลา และลดไฟลงมาหากมีรถสวนมาเพื่อบอกตำแหน่งรถกับผู้อื่น
  • หลีกเลี่ยงการแซง หากไม่จำเป็นจริง ๆ ค่อย ๆ ขับรถตามกันไปอย่างความเร็วที่เหมาะสมจะปลอดภัยกว่า เพราะการแซงรถคันหน้ายิ่งเป็นเส้นทางที่เราไม่คุ้นเคย อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้โดยง่ายมาก ยิ่งเป็นถนนสวนเลนแล้ว ถือว่าอันตรายมาก ๆ

      5.สภาพคนขับ 

สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่แพ้เรื่องรถก็คือ คนขับ ต้องพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทางไกล และไม่ควรเจ็บป่วยก่อนการเดินทาง หากเจ็บป่วยควรรักษาตัวให้หายก่อนเดินทางไกลทุกครั้ง

สำหรับใครที่จะเดินทางไกลในฤดูท่องเที่ยวที่จะถึงนี้ แนะนำให้ลองทำตามคำแนะนำของ thedriverservice.com เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเราเองและคนที่เรารัก     

ขอขอบคุณข้อมูลจาก moneyguru