รถเก่า เลือกประกันรถชั้นไหน ถึงจะคุ้ม


วันที่เขียน 2019-09-24 15:49:43
วันที่อัพเดทล่าสุด 2019-09-24 15:49:43

รถเก่า เลือกประกันรถชั้นไหน ถึงจะคุ้ม    

การมีประกันภัยรถยนต์ติดรถไว้ จะช่วยให้เจ้าของรถหรือผู้ขับขี่มีความมั่นใจ อุ่นใจ ในการเดินทางมากขึ้น ด้วยความหลากหลายของประเภทและความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ ทำให้หลายคนตัดสินใจในการเลือกซื้อประกัน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถเก่า หรือผู้ที่ซื้อรถมือสองมาครอบครอง แต่จะมีวิธีเลือกอย่างไร Thedriverservice.com มีคำตอบมาแนะนำให้ฟังกัน 

ที่มารูปภาพ pixabay.com

อายุ 1 – 5 ปี

ตามปกติรถป้ายแดง จะถูกบังคับให้ทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 เป็นเวลา 1-2 ปี แล้วแต่บริษัทสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับประกันภัยชั้นอื่นๆ จะได้รับความคุ้มครอง การที่รถสูญหาย หรือ ความเสียหายต่อตัวรถยนต์จากอุบัติเหตุทุกกรณี ซึ่งรถใหม่ๆ นั้นเสี่ยงกับการสูญหายมากที่สุด รวมถึงยังรองรับบรรดานักขับมือใหม่ ไม่ว่าเจ้าของรถทำให้เกิดความเสียหาย หรือบุคคลภายนอกมาทำให้เสียหาย ก็สามารถคุ้มครองได้หมด

แต่สำหรับคนที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน หลังจากหลุดการบังคับทำประกันภัยประเภท 1 แนะนำให้ทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ ซึ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองรองลงมาจากประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 โดยยังคงได้รับความคุ้มครองหากเป็นกรณีที่รถสูญหาย หรือความเสียหายเกิดขึ้นจากไฟไหม้ แต่จะต่างจากประกันภัยชั้น 1 ตรงที่ไม่มีความคุ้มครองในส่วนของความเสียหายทั่วๆ ไป แต่จะมีความคุ้มครองให้กับคู่กรณีเหมือนเดิม

อายุเกิน 5 ปี - 7 ปี

อายุรถยนต์ในช่วงนี้ แนะนำให้ทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ นอกจากจะคุ้มครองรถสูญหาย รถไฟไหม้ ไปจนถึงความเสียหายกับคู่กรณี ยังเหมาะกับผู้ที่จอดรถในพื้นที่เสี่ยง เช่น จอดรถไว้หน้าบ้าน จอดรถไว้ริมถนน ที่มีความเสี่ยงในการรถสูญหาย  ซึ่งค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ นั้นประหยัดได้มาก โดยเฉพาะรถที่มีอายุอยู่ในเกณฑ์นี้ เมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่คุ้มค่า

ที่มารูปภาพ pixabay.com

อายุ 7 ปีขึ้นไป

อายุรถยนต์ในช่วงนี้ แนะนำให้ทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ โดยจะให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายสำหรับทรัพย์สินของคู่กรณี และความเสียหายของตัวรถ เฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นจากการชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น โดยจะไม่คุ้มครองการสูญหายหรือการถูกไฟไหม้ของรถยนต์ รวมถึงไม่คุ้มครองความเสียหายทั่วๆ ไป ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยรถเก่าที่มีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป ถึงแม้ว่ารถจะมีอายุการใช้งานที่นานหรือเก่า แต่ก็ต้องมีการคุ้มครองจากการทำประกันภัย แม้ว่าความคุ้มครองสำหรับตัวรถอาจไม่จำเป็นก็ตาม แต่การใช้งานโดยทั่วไปก็อาจสร้างความเสียหายให้กับคู่กรณีหรือบุคคลภายนอกได้ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุ

ปกติที่คนซื้อประกันรถยนต์ก็ต้องการความคุ้มครองตอนเกิดอุบัติเหตุอยู่แล้ว ซึ่งเป็นอะไรที่ประกันรถยนต์มันมีทุกอันไม่ว่าจะชั้นไหนก็ตาม อาจจะมีต่างกันหน่อยก็แค่ ในประกันชั้น 1 จะคุ้มครองอุบัติเหตุทุกกรณี แต่ในประกันชั้น 2+ หรือ 3 + จะคุ้มครองรถของเราแค่กรณีรถชนกับรถด้วยกันเท่านั้น และต้องเป็นเคลมสดมีคู่กรณีด้วย ดังนั้น แม้บางคนจะมีรถอายุกี่สิบปีก็ตาม แต่ถ้าต้องการความคุ้มครองในด้านอื่นๆ thedriverservice.com ขอแนะนำ ดังนี้   

  • ความคุ้มครองไฟไหม้ ไฟไหม้ดูจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวไปสักนิด แต่ใครจะไปรู้ว่าวันดีคืนดี จะเกิดขึ้นกับเรา ดังนั้น การทำประกันไฟไหม้ก็สำคัญแพ้กัน โดยประกันที่ให้ความคุ้มครองไฟไหม้ จะมีอยู่ในทั้งประกันชั้น 1 และ 2+
  • ความคุ้มครองน้ำท่วม จริงอยู่ว่าค่าซ่อมในกรณีน้ำท่วม จะไม่แพงเท่ากรณีไฟไหม้ หรือไม่สูญไป เลยเหมือนตอนรถหาย แต่ถ้าเจอน้ำท่วมรถพังบ่อย ๆ ค่าซ่อมค่าใช้จ่ายก็ต้องเสียไปเยอะเหมือนกัน ดังนั้น มีประกันที่คอยช่วยย่อมดีกว่า ซึ่งความคุ้มครองน้ำท่วมนี้จะซื้อประกันชั้น 1 หรือ 2+ ก็มี คุ้มครองหมด
  • ซ่อมอู่ สำหรับรถเก่า อายุ 7-10 ปี แทบไม่มีบริษัทประกันไหนให้เราซ่อมห้างหรือซ่อมศูนย์ จะมีก็ แค่ส่วนน้อย มาก ๆ สำหรับคนที่มีประวัติดี 5 ปีและไม่เคยเคลม ฉะนั้น ถ้าจะซื้อประกันชั้น 1 เพื่อที่จะได้ซ่อมห้างละก็ บอกเลยว่า ไม่คุ้มค่าแน่นอน แต่ถ้าใครต้องการ ก็สามารถทำได้ ไม่ได้ผิดกฎข้อบังคับใดๆ 
ที่มารูปภาพ pixabay.com

เมื่ออ่านข้อมูลที่ thedriverservice.com ได้กล่าวไปในเบื้องต้น จะเห็นว่าถ้าเราเป็นคนขับหน้าใหม่ไร้ประสบการณ์ในการขับรถ และมีรถคันแรกเป็นรถมือสอง แนะนำให้ซื้อชั้น 1 จะคุ้มค่ากว่า แต่ถ้ารถเก่าคันนี้เราขับมาตั้งแต่เพิ่งถอยออกมาจากโชว์รูม สิริรวมเป็น 10 ปี คงจะมีฝีมือในการขับพอสมควร เราขอแนะนำให้เลือกซื้อประกันชั้น 2+ จะคุ้มค่ากว่า แถมประหยัดเบี้ยประกันลงได้เยอะ ซึ่งประกันชั้น 1 สำหรับรถยนต์ที่มีอายุ 10 ปีนั้น จะอยู่ที่ประมาณ 13,000 – 15,000 บาท ในขณะที่ประกันชั้น 2+ สำหรับรถ 10 ปี จะแค่ประมาณ 7,000 – 9,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ ความคุ้มครองของประกันชั้น 1 กับชั้น 2+ ก็แทบไม่มีอะไรที่ต่างกัน 

ต่อให้รถของเราจะเก่าขนาดไหน อายุ 5 ปี 7 ปี 10 ปี แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามและต้องมีก็คือ ประกันรถยนต์ เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครทราบล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นกับรถใหม่หรือรถเก่า เพราะสุดท้ายก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเจ็บตัวไปไม่แพ้กัน